หน้าแรก


          
       นับแต่ปีพ.ศ 2515 ชาวเชียงใหม่หากใครได้ผ่านไปมา บริเวณเชิงสะพานเม็งรายอนุสรณ์ฝั่งตะวันออก ก็จะอดไม่ได้ที่จะแวะซื้อไส้อั่วหมูที่กำลังย่างร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอม พร้อมกับแคบหมูที่ทอดใหม่ ๆ ไปทานที่บ้าน จุดเด่นของไส้อั่วที่นี่อยู่ที่สัดส่วนหมูเนื้อแดงมากกว่า ไม่ค่อยมีมันหมูผสมและนำไปย่างแทนการทอด เพื่อให้ได้ไส้อั่วที่แห้ง ไม่มันรับประทานแล้วไม่เลี่ยน อีกทั้งความเข้มข้นของน้ำพริกที่คลุกเคล้าจน ได้รสชาดที่ทุกคนชื่นชอบ จากลักษณะเด่นดังกล่าวนี้เองทำให้ไส้อั่วเม็งรายเป็นทีรู้จักในลักษณะปากต่อ ปาก เนื่องด้วยในขณะนั้นไส้อั่วเม็งรายยังไม่มีร้านเป็นสัดส่วน แม้แต่ชื่อของร้านหรือยี่ห้อก็ยังไม่มี ดังนั้นชื่อคำว่า “ไส้อั่วเม็งราย” จึงได้มาจากการที่ลูกค้าเรียกต่อ ๆ กันมานั้นเอง เหตุผลก็เพราะร้านตั้งอยู่เชิงสะพานเม็งราย
 
          จากลูกค้าเฉพาะคนเชียงใหม่ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของฃาวกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เนื่องจากจะมี ข้าราชการ พ่อค้า คหบดีในเชียงใหม่นิยมนำไปเป็นของฝาก อีกทั้งเวลาที่จังหวัดจัดงานก็จะนำสินค้าไปออกร้านจำหน่ายสินค้า หากงานไหนมีการประกวดอาหารพื้นเมืองก็จะเข้าร่ามประกวดและได้รับรางวัลด้วยทุกครั้งไป จากจุดนี้เองทำให้ร้าน “ไส้อั่วเม็งราย” จึงค่อยๆ เป็นที่รู้จักแพร่หลายขึ้น
 
          อีก 15 ปีต่อมา ได้มีการทำร้านเล็ก ๆ ให้เป็นสัดส่วนและได้ตั้งชื่อร้านว่า “ร้านอัมพรไส้อั่วเม็งราย” ตามชื่อของเจ้าของร้าน คุณอัมพร ศรีทาเกิด ได้มีการนำเครื่องจักรเข้ามาช่วยงานอย่างเช่น เครื่องบดเนื้อหมู เครื่องผสมส่วนผสม เครื่องอัดไส้อั่ว และเตาย่างแบบไร้ควัน แต่ก็ยังมีลักษณะการผลิตแบบอุตสาหกรรมภายในครอบครัว พร้อมกับได้มีการผลิตน้ำพริกหนุ่ม, แหนมหม้อ, หมูยอ เพิ่มเติม เพื่อเป็นสินค้าของฝากจากเชียงใหม่อีกด้วย
 
          จนกระทั่งปี พ.ศ. 2537 ทางจังหวัดเชียงใหม่โดยท่านผู้ว่าราชการจังหวัด ได้มอบเข็มเกียรติคุณวันอนุรักษ์มรดกไทย ให้แก่ คุณอัมพร ศรีทาเกิด ในฐานะผู้มีผลงานดีเด่นการอนุรักษ์ด้านอาหารพื้นเมือง ซึ่งในครั้งนั้นได้นำความภาคภูมิใจมายังคุณอัมพรเป็นอย่างยิ่ง จึงตั้งใจไว้ว่าจะทำร้านเล็กๆ ของตัวเองให้เป็นเหมือนห้องรับแขกอีกแห่งหนึ่งของเชียงใหม่ให้ได้ เพื่อที่ว่าเมื่อมีอาคันตุกะจากต่างเมืองแวะมาเยี่ยมเยือน จะได้พามาแวะมาลองรับประทานอาหารเหนือ อีกทั้งยังสามารถซื้อติดไม้ติดมือ ไปเป็นของฝากญาติสนิทมิตรสหายได้อีกด้วย

 
              ปัจจุบันร้านอัมพรไส้อั่วเม็งราย ได้มีการแยกส่วนการผลิตออกจากส่วนหน้าร้าน จึงทำให้มีการควบคุมคุณภาพ และความสะอาดในการผลิตได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังให้ความสำคัญต่อการคัดคุณภาพของวัตถุดิบทั้งในด้านความสดใหม่ และปลอดจากสารพิษในผัก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ทุกท่านเชื่อมั่นได้ทั้งรสชาดและความสะอาดถูกหลักอนามัย พร้อมทั้งได้มีการพัฒนาบรรจุภัณฑ์ เพื่อช่วยยืดอายุของผลิตภัณฑ์ให้นานขึ้นโดยไม่ใช้วัตถุกันเสีย เพราะนั่นคือความตั้งใจจริงของร้านอัมพรไส้อั่วเม็งราย ที่ต้องการสืบทอดวัฒนธรรมการกินอยู่แบบพื้นเมืองเหนือ ไปพร้อมกับการมีสุขภาพดีของผู้บริโภคทุกท่าน
ไส้อั่ว



       อาหารพื้นบ้านจานเด็ดอย่างหนึ่งของชาวล้านนา ซึ่งมีรสชาติเป็นที่ติดอกติดใจกันทั่วไปในหมู่ชาวไทยล้านนาและคนภาคอื่น ๆทั่วประเทศไทยนั่นคือ ไส้อั่ว 

คำว่า อั่ว ในภาษาล้านนา หมายถึง แทรก หรือยัดไว้ตรงกลาง ไส้อั่ว จึงหมายถึงไส้ที่มีการนำสิ่งของมายัดไว้ การทำไส้อั่วนิยมใช้ไส้หมูและเนื้อหมู 
ในอดีตเมื่อถึงยามเทศกาลหรือเมื่อมีการจัดงานใด ๆ ถ้ามีการล้มหมู มักมีเนื้อหมูเป็นจำนวนมาก จนบางครั้งนำมาทำเป็นอาหารไม่ทันก็อาจเกิดการเน่าเสียได้  จึงมีแนวคิดในการนำเอาเนื้อหมูเหล่านั้นมาถนอมอาหารโดยการตากแห้งหรือย่างไฟ 




น้ำพริกหนุ่ม


ประวัติน้ำพริกหนุ่ม อาหารขึ้นชื่อของเมืองล้านนา
น้ำพริกหนุ่ม คือน้ำพริก ที่เป็นอาหารล้านนา ที่รุ้จักกันมาช้านาน ไม่แน่ชัดว่าเริ่มมีการคิดค้นเมนูน้ำพริกหนุ่มขึ้นมาเมื่อไหร่ น้ำพริกหนุ่มเป็นเมนูที่ประกอบมาจากพริกชนิดหนึ่ง ชื่อสายพันธ์ว่า "พริกหนุ่ม" สามารถใช้ได้ทั้งพริกหนุ่มที่แก่จัด หรือยังไม่แก่มาก ก็ได้ แต่ส่วนมากนิยมใช้พริกหนุ่มที่ยังไม่แก่จัด นำมาย่างโขลกใส่ส่วนผสม ในบล็อกน้ำพริกหนุ่มของเราได้มีสูตรวิธีปรุงน้ำพริกหนุ่มหลายสูตร เพื่อนๆสามารถค้นหาและอ่านเพิ่มเติมได้  เมื่อปรุงน้ำพริกหนุ่มเรียบร้อยแล้ว สามารถรัปประทานควบคู่กับเมนูอื่นๆ ได้หลากหลายเมนู แต่ที่เรามักจะพบเห็น และเคยลิ้มลองกันมาแล้ว คือ น้ำพริกหนุ่ม กินคู่กับแคปหมู วิธีรัปประทานนั้นก็ง่ายมาก คือ ใช้แคปหมูคุ้ย หรือตักน้ำพริกขึ้นมาพอประมาณ ตามแต่ละคนชอบ บางท่านก็ชอบรัปประทานคู่กับผัก ข้าวเหนียว ก็มี

ประวัติน้ำพริกหนุ่ม
บางสูตร มีการใส่ปลาร้าสับ หรือบางทีก็ใส่กะปิแล้วย่างไฟ เพิ่มความหอมและรสชาติกลมกล่อมของปลาร้า หรือกะปิ ตามแต่ความนิยม
บางสูตรก็ใส่น้ำปลากับเกลือ ผักชี ผักหอมลงไปด้วย เรียกได้ว่าเมนู้น้ำพริกหนุ่มนั้น สามารถประยุกต์ และปรุงได้หลากหลายรูปแบบตามแต่ความชอบจริงๆ

แกงฮังเล


แกงฮังเล หรือ แกงฮินเล เป็นอาหารไทยประเภทแกงรสชาติเค็ม - เปรี้ยว แกงฮังเลมีต้นกำเนิดจากประเทศพม่า โดยคำว่า "ฮิน" ในภาษาพม่า หมายถึง แกง และ "เล" ในภาษาพม่า หมายถึง เนื้อสัตว์ แกงฮังเลได้รับความนิยมจากชาวไทยภาคเหนือและแคว้นสิบสองปันนา ประเทศจีน

วิธีปรุงแกงฮังเลมีสองแบบคือแบบม่านและแบบเชียงแสน โดยแบบม่านได้รับความนิยมมากกว่า แกงฮังเลม่านรสชาติออกเปรี้ยวเค็ม น้ำขลุกขลิก ใส่ขิง น้ำมะขามเปียก กระเทียมดอง ถั่วลิสง น้ำตาลอ้อย แกงฮังเลเชียงแสนเพิ่มถั่วฝักยาว พริก หน่อไม้ดอง งาคั่ว ส่วนประกอบสำคัญจะต้องมีผงแกงฮังเลหรือผงมัสล่าซึ่งเป็นผงเครื่องเทศแบบผสมแบบเดียวกับการัม มาซาลาของอินเดีย น้ำพริกแกงประกอบด้วยพริกแห้ง เกลือ ข่าแก่ ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง แกงฮังเลแบบไทใหญ่ น้ำขลุกขลิกและกินกับมะม่วงสะนาบซึ่งเป็นมะม่วงสับ ยำกับกะปิคั่ว กุ้งแห้งป่น และกระเทียมเจียว

MEMBER ZONE

OVERVIEW

หน้าที่เข้าชม67,720 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด35,353 ครั้ง
เปิดร้าน8 มิ.ย. 2559
ร้านค้าอัพเดท13 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

TRACK & TRACE

*ใส่ เบอร์มือถือ หรือ email ที่ใช้ในการสั่งซื้อ
รายการสั่งซื้อของฉัน
เข้าสู่ระบบด้วย
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก

ยังไม่มีบัญชีเทพ สร้างบัญชีใหม่ ไม่มีค่าใช้จ่าย
สมัครสมาชิก (ฟรี)
รายการสั่งซื้อของฉัน
ข้อมูลร้านค้านี้
ร้านไส้อั่วเม็งราย บางกรวย นนทบุรี
ไส้อั่วเม็งราย บางกรวย นนทบุรี
ไส้อั่วเม็งราย บางกรวย นนทบุรี ของฝากคุณภาพจากเชียงใหม่ โทร.0882946594 Line : @thaispicysausage IG : thaispicysausage
เบอร์โทร : 0882946594
อีเมล : thaispicysausage@gmail.com
ส่งข้อความติดต่อร้าน
เกี่ยวกับร้านค้านี้
สินค้าที่ดูล่าสุด
ดูสินค้าทั้งหมดในร้าน
สินค้าที่ดูล่าสุด
บันทึกเป็นร้านโปรด
Join เป็นสมาชิกร้าน
แชร์หน้านี้
แชร์หน้านี้

TOP เลื่อนขึ้นบนสุด
พูดคุย-สอบถาม